วิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

วิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

วิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
วิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

ใช้แบตเตอรี่ของอุปกรณ์ Android ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

สำคัญ: บางขั้นตอนใช้ได้เฉพาะกับ Android 13 ขึ้นไปเท่านั้น ดูวิธีตรวจสอบเวอร์ชัน Android

คุณใช้วิธีต่างๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของอุปกรณ์และใช้งานจากการชาร์จแต่ละครั้งให้นานขึ้นได้ .

เคล็ดลับ: อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของอุปกรณ์จะขึ้นอยู่กับประเภทอุปกรณ์ที่คุณใช้ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์รุ่นที่คุณใช้ เว็บไซต์การสนับสนุนของผู้ผลิต

เลือกการตั้งค่าที่ใช้แบตเตอรี่น้อยลง

ลองทำตามหัวข้อต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้

  • ตั้งค่าให้หน้าจอปิดเร็วขึ้น
  • ลดความสว่างหน้าจอ
  • ตั้งค่าความสว่างให้เปลี่ยนโดยอัตโนมัติ
  • ปิดเสียงหรือการสั่นของแป้นพิมพ์
  • จำกัดแอปที่ใช้แบตเตอรี่ปริมาณมาก
  • เปิดแบตเตอรี่แบบปรับอัตโนมัติ
  • ลบบัญชีที่ไม่ได้ใช้
  • เปิดธีมมืด

ดูแลแบตเตอรี่

  • ใช้อะแดปเตอร์ที่มากับโทรศัพท์เท่า  อะแดปเตอร์และที่ชาร์จที่ไม่ได้มากับโทรศัพท์อาจชาร์จได้ช้าหรือชาร์จไม่ได้เลย นอกจากนี้ยังอาจทำให้โทรศัพท์หรือแบตเตอรี่เกิดความเสียหายด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่ชาร์จสำหรับโทรศัพท์ของคุณ
  • นั้นรักษาอุณหภูมิให้เย็นเสมอ  หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้โทรศัพท์มีความร้อนสูงเกินไป โดยเฉพาะเมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม แบตเตอรี่จะหมดเร็วยิ่งขึ้นเมื่ออุปกรณ์ร้อนแม้คุณจะไม่ได้ใช้งานอยู่ การใช้แบตเตอรี่ในลักษณะนี้อาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้
  • ชาร์จเท่าที่จำเป็น  คุณไม่จำเป็นต้องให้โทรศัพท์รู้ถึงความจุของแบตเตอรี่ด้วยการชาร์จจนเต็มแล้วใช้งานจนแบตเตอรี่หมด หรือชาร์จตั้งแต่ 0% จนเต็ม เราขอแนะนำให้คุณใช้แบตเตอรี่จนเหลือต่ำกว่า 10% เป็นครั้งคราว แล้วชาร์จแบตเตอรี่ข้ามคืนจนเต็ม

ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ใกล้หมด

  • เปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่หรือโหมดใช้พลังงานต่ำ

โทรศัพท์ Android บางรุ่นมาพร้อมกับโหมดประหยัดแบตเตอรี่หรือโหมดใช้พลังงานต่ำ ซึ่งจะช่วยให้ใช้งานจากการชาร์จแต่ละครั้งได้นานขึ้น หากต้องการดูว่าโทรศัพท์มีการตั้งค่าดังกล่าวหรือไม่ ให้ไปที่ เว็บไซต์การสนับสนุนของผู้ผลิตอุปกรณ์

เปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่ด้วยตนเอง

  1. เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
  2. แตะแบตเตอรี่ โหมดประหยัดแบตเตอรี่
  3. เลือกกำหนดเวลาสำหรับโหมดประหยัดแบตเตอรี่หรือปิดโหมดนี้โดยอัตโนมัติ

* เคล็ดลับ: เมื่อโหมดประหยัดแบตเตอรี่เปิดอยู่ ระบบจะเปิดธีมมืดและจำกัดหรือปิดกิจกรรมในเบื้องหลัง เอฟเฟกต์ภาพบางอย่าง ฟีเจอร์บางส่วน การเชื่อมต่อเครือข่าย และแอปจึงอาจทำงานล่าช้าในโหมดนี้ .

  • หลีกเลี่ยงการใช้งานที่ต้องเปิดหน้าจออยู่ตลอด
  • ในการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โปรดอย่าทำดังนี้
  • ใช้การนำทางเป็นเวลานาน
  • ดูวิดีโอ
  • เล่นเกมที่เน้นกราฟิก

หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อแบบต่อเนื่อง

ในการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โปรดอย่าทำดังนี้

  • เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ (ฮอตสปอต)
  • ใช้ GPS เป็นเวลานาน
  • สตรีมวิดีโอหรือเพลง
  • โทรออกขณะเดินทาง เช่น ในรถยนต์

หลีกเลี่ยงการใช้งานที่ต้องประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก

ในการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โปรดอย่าทำดังนี้

  • ใช้กล้องถ่ายรูปเป็นเวลานาน
  • เล่นเกมที่มีการโต้ตอบสูง
  • ใช้แอปเป็นเวลานาน

จำกัดการเชื่อมต่อและการใช้ตำแหน่ง

  • หากไม่ต้องการใช้เครือข่ายมือถือ ให้เปิดโหมดบนเครื่องบิน
  • ใช้ Wi-Fi แทนอินเทอร์เน็ตมือถือ
  • ปิดบลูทูธ
  • ปิดการเข้าถึงตำแหน่ง แอปและฟีเจอร์บางอย่างจะไม่ทำงานเมื่อปิดตำแหน่ง

แก้ไขปัญหาแบตเตอรี่ที่ยังแก้ไม่ได้

รีสตาร์ทโทรศัพท์ (รีบูต)

  1. ในโทรศัพท์ส่วนใหญ่ ให้กดปุ่มเปิด/ปิดของโทรศัพท์ค้างไว้ประมาณ 30 วินาทีจนกว่าโทรศัพท์จะรีสตาร์ท
  2. คุณอาจต้องแตะ "รีสตาร์ท" ในหน้าจอ

ตรวจหาอัปเดต Android

  1. เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
  2. ที่บริเวณด้านล่าง ให้แตะ ระบบการอัปเดตระบบ อาจต้องแตะ เกี่ยวกับโทรศัพท์ หรือเกี่ยวกับแท็บเล็ตก่อน
  3. สถานะการอัปเดตจะปรากฏขึ้น ทำตามขั้นตอนในหน้าจอ

ตรวจหาอัปเดตแอป

  1. เปิดแอป Google Play Store
  2. แตะไอคอนโปรไฟล์ที่ด้านขวาบน
  3. แตะจัดการแอปและอุปกรณ์
  4. ในส่วน "มีอัปเดต" ให้เลือกอัปเดตแอปทั้งหมดหรือแอปที่ต้องการ

รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น

สำคัญ: การรีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้นจะนำข้อมูลทั้งหมดออกจากโทรศัพท์ แม้ว่าจะมีการคืนค่าข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในบัญชี Google ของคุณ แต่แอปทั้งหมดรวมถึงข้อมูลที่เชื่อมโยงกับแอปจะถูกถอนการติดตั้ง ขอแนะนำให้สำรองข้อมูลในโทรศัพท์ก่อนรีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้น .